ฮารี, โยฮันน์. 2567. โลกไร้โฟกัส แปลจากเรื่อง Stolen Focus โดย ฐณฐ  จินดานนท์. กรุงเทพฯ: บุ๊คสเคป. 383 หน้า. 395 บาท.

         เหตุใดความสามารถในการจดจ่อตั้งสมาธิของเราจึงพังทลายลงในยุคสมัยใหม่ และเราจะกู้คืนมาได้อย่างไร
         ทุกวันนี้วัยรุ่นในสหรัฐอเมริกาจดจ่อกับกิจกรรมหนึ่งๆ ได้แค่ 65 วินาที ขณะที่พนักงานออฟฟิศจดจ่อได้เฉลี่ย 3 นาทีเท่านั้น โยฮานน์ ฮารี พบว่าชีวิตที่ต้องสลับสับเปลี่ยนระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และแท็บหน้าจอแท็บแล้วแท็บเล่าช่างชวนหดหู่กัดกินใจเหลือเกิน ใครหลายคนในยุคนี้ก็คงประสบความรู้สึกเดียวกัน แม้เขาจะพยายามหาทางออกทุกรูปแบบ ถึงขั้นไม่แตะโทรศัพท์เลยนานสามเดือน แต่ก็ดูจะไร้ผล ฮารีจึงออกเดินทางข้ามโลกครั้งยิ่งใหญ่เพื่อไปสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านการจดจ่อตั้งสมาธิของมนุษย์ จนค้นพบว่าทุกอย่างที่เราเคยคิดหรือรับรู้เกี่ยวกับวิกฤตนี้ล้วนผิดอย่างสิ้นเชิง เราเข้าใจว่าการที่เราไม่สามารถจดจ่อได้เป็นความล้มเหลวเฉพาะบุคคล เป็นเพราะเราไม่หนักแน่นพอในการตั้งมั่นว่าจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจอุปกรณ์มือถือทั้งหลาย ทว่าความจริงน่าสะพรึงกว่านั้น สมาธิของเราถูกขโมยไปด้วยฝีมือของพลังอำนาจภายนอกซึ่งบีบให้เราอยู่ในเงื้อมมือองค์กรที่ฉกฉวยสมาธิเราเพื่อทำกำไร ฮารีค้นพบว่ามีสาเหตุเบื้องลึก 12 ประการเบื้องหลังวิกฤตนี้ นับตั้งแต่อาการใจลอยที่ลดน้อยถอยลงไปจนถึงมลพิษที่เพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนปล้นชิงสมาธิไปจากเรา ในหนังสือเล่มนี้ ฮารีแนะนำเราให้รู้จักผู้ต่อต้านจากซิลิคอนแวลลีย์ที่เรียนรู้วิธีถอดรหัสความสนใจของมนุษย์ สัตวแพทย์ผู้วินิจฉัยสุนัขที่เป็นโรคสมาธิสั้น แหล่งเสื่อมโทรมในรีโอเดจาเนโรซึ่งผู้คนสูญเสียสมาธิกันอย่างเกินจินตนาการ ไปจนถึงออฟฟิศในนิวซีแลนด์ที่ค้นพบเทคนิคน่าทึ่งในการฟื้นฟูประสิทธิภาพของพนักงาน Stolen Focus จะเปลี่ยนโฉมข้อถกเถียงทั้งหลายเกี่ยวกับการจดจ่อตั้งสมาธิ และค้นหาวิธีกอบกู้มันกลับคืนมา ทั้งในฐานะบุคคลและสังคม ขอเพียงเรามุ่งมั่นตั้งใจจะต่อสู้ในศึกแห่งยุคสมัยครั้งสำคัญนี้"